วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resources Information System)

เนื่องจากบริษัทเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ และมีสาขาอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และพนักงานรวมทั้งหมดประมาณ 10,000 คน ทำให้องค์กรต้องนำระบบสารสนเทศเืพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคลมาช่วยในการบริหารงานขององค์กร เพราะองค์กรได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการคัดเลือกและการรักษาบุคลากรขององค์กรที่มีความสำคัญอย่างมากต่อองค์กร เพื่อความได้เปรียบในเชิงแข่งขันกับคู่แข่ง อีกทั้งยังเป็นกระบวนการที่รวบรวม จัดเก็บ บำรุงรักษา และนำมาปรับแก้ไขอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ระบบสารสนเทศมีความถูกต้องสมบูรณ์ สามารถนำข้อมูลไปใช้งานด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลบุคลากรเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญต่อการบริหารงานในองค์กร ดังนั้นผู้บริหารในแต่ละองค์กรจึงหันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลสารสนเทศทางด้านทรัพยากรบุคคลมากขึ้น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการบริหาร การวางแผนกำลังคน การพัฒนาบุคลากร และฝึกอบรม ฯลฯ

องค์ประกอบของระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล
  1. ระบบงานวางแผนกำลังคน (Manpower Planning) แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของอัตรากำลังคน, อัตราการเข้าและออกของบุคลากร
  2. ระบบงานทะเบียนประวัติ (Personnel Database) ช่วยในการเก็บข้อมูลด้านประวัติส่วนตัวของบุคลากร ประวัติการทำงาน ฯลฯ ซึ่งระบบอื่นๆ สามารถดึงข้อมูลไปใช้ร่วมกันได้
  3. ระบบการตรวจสอบเวลา (Time Attendance) ระบบจะดึงเวลาจากเครื่องรูดบัตร มาเปรียบเทียบกับตารางเวลาทำงานปกติของพนักงาน แล้วรายงานความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น การขาดงาน การมาสาย การลา หรือการทำงาล่วงเวลา เป็นต้น
  4. ระบบงานด้านการคำนวณเงินเดือน (Payroll) ช่วยในการบริหารเงินเดือน ค่าตอบแทน และภาษี โดยที่ระบบจะทำการคำนวณอัตโนมัติตามที่ได้สร้างเงื่อนไขไว้
  5. ระบบประเิมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Evaluation) ช่วยในการกำหนดมาตรฐานในการประเมินผล ช่วยในการบันทึก คำนวณผลลัพธ์ และสรุปการประเมินผลในเรื่องการขึ้นเงินเดือนและเลื่อนขั้น
  6. ระบบงานพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร (Training and Development) เป็นระบบที่ช่วยในการวางแผนการพัฒนาบุคลากร
  7. ระบบงานสวัสดิการต่าง ๆ (Welfare) ช่วยในการเก็บบันทึกและบริหารงานข้อมูล เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินกู้ เงินช่วยเหลือต่างๆ เป็นต้น
  8. ระบบการสรรหาบุคลากร (Recruitment) เป็นระบบที่บันทึีกข้อมูลการสมัครงาน สามารถสร้างแบบทดสอบ แบบการสัมภาษณ์งาน และเมื่อพนักงานผ่านการคัดเลือกก็สามารถโอนข้อมูัลเข้าสู่ระบบได้โดยอัตโนมัติ
ปัจจัยที่สำคัญในการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล คือ ระบบต้องสามารถรองรับการทำงานและนโยบายขององค์กรได้ และเมื่อนำระบบมาใช้ต้องเกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กรและบุคลากรขององค์กร เพราะทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ที่จะนำพาองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าจากหญิงชรา


วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น
อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว
และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อน
ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ และมีมือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม
ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเ
หี่ ยวย่น ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม
รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง

หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า
" สวัสดี รูปหล่อ ฉันชื่อโรส อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ"

ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ และตอบอย่างร่าเริงว่า
" แน่นอน ได้สิครับ " แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง ผมถามเธอว่า
" ทำไมคุณถึงมาเรียนมหาวิทยาลัย เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. "

เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า "ฉันมาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย แล้วมีลูกสักสองสามคน... "
ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า "ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ " ผมสงสัยจริงๆ ว่า อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอตอบว่า
" ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้ ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน"
หลังเลิกเรียนวิชานั้น เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที
ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง "ยานเวลา" ลำนี้
แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม

ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของเรา และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ
และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา ...... พิธีกรแนะนำตัวเธอ และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น

ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น
เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า
แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า
" ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันซุ่มซ่าม ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว
แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ... ฉันคงจะเอาบทของฉัน
มาเรียงใหม่ไม่ทันแล้วงั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน"

พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า
" พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น
ที่จริงแล้วมี
เคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอมีความสุข
และประสบความสำเร็จอยู่ 4 ประการ
1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน
2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสีย ความฝันของคุณไป คุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไป เดินมาอยู่ทั้งๆ
ที่ตายไปแล้วและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..
3) การที่คุณ "แก่ขึ้น" กับ "เติบโตขึ้น" นั้นมันต่างกันมาก ถ้าคุณอายุสิบเก้า แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง
และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี คุณก็จะอายุยี่สิบ
ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุ แปดสิบแปด ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้น ทั้งนั้น
ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย
ประเด็นของการ เติบโตขึ้น นั้นอยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง
4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ "

เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง " The Rose" อย่างกล้าหาญ
และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้นและเอาความหมายเหล่านั้นมา ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา

เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว

หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ
เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย

นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอ เพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ

ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า .......

ไม่มีคำว่าสายเกินไป

ที่จะเป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้

เมื่อคุณอ่านเรื่องนี้จบลง กรุณาส่ง คำแนะนำอันดีเยี่ยมนี้ต่อให้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ พวกเขาคงจะชอบมัน

เรื่องราวเหล่านี้ส่งต่อกันมาเพื่อระลึกถึงหญิงชราที่ชื่อ โรส

จงจำไว้ว่า


" การแก่ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้
เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่เราให้ไป"

ขนมไมตรี ถ้วยโปรด




เครื่องปรุง
  • ความหวังดี 1 ถ้วย
  • ยิ้มแฉล้ม 1/2 ถ้วย
  • ความจริงใจ 3/4 ถ้วย
  • วาจาไพเราะ พอประมาณ
  • ความรัก 2/3 ถ้วย
  • ความเห็นใจ 1/3 ถ้วย
  • ความโอบอ้อมอารี 1 ถ้วย
  • ความสงสาร 1/3 ของความเห็นใจ

วิธีปรุง
ก่อนอื่นตีความหวังดี และิยิ้มแฉล้มให้เข้ากัน แล้วเทความจริงใจออกมาผสมผสานคลุกเคล้าให้เ้ข้ากัน
เตรียมวาจาไพเราะพอประมาณ เอาไว้ใส่เป็นระยะๆ
ค่อยๆ รินความรักลงไปทีละน้อยๆ
เมื่อได้ที่หยิบเอาความเห็นใจและความโอบอ้อมอารีมาผสมกัน
บรรจงคนให้เข้ากันกับส่วนอื่นๆ ให้ดี เสร็จแล้วเอาส่วนผสมที่ได้เข้าไปอบไว้ในหัวใจที่อบอุ่นโดยไม่กำหนดเวลา

อย่าลืม
ค่อยๆ หยิบความสงสารโรยหน้าอีกสักหน่อย เพิ่มความอร่อยและหยิบมาแจกจ่ายกันรับประทานบ่อยๆ

หมายเหตุ
ขนมนี้ให้คุณค่าทางอาหาร คือ ความอิ่มใจ และความสุขใจ